การทาครีมกันแดดสำคัญแค่ไหน สำหรับคนที่กำลังรักษาหลุมสิว?

ฟื้นฟูหลุมสิวอยู่ ทำไมต้องใส่ใจเรื่องกันแดด?

หลายคนโฟกัสไปที่การใช้ครีมฟื้นฟูหลุมสิว หรือการทำหัตถการ แต่กลับ มองข้ามขั้นตอนสำคัญที่สุด อย่างการ ทาครีมกันแดด จนทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่เต็มที่ หรือบางครั้งหลุมสิวอาจดูแย่ลงกว่าเดิม

การทาครีมกันแดดเป็นเหมือน "เกราะป้องกัน" ที่ช่วยปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้ายเพิ่มเติม ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการซ่อมแซมผิวและการสร้างคอลลาเจนที่จำเป็นต่อการเติมเต็มหลุมสิว

แสงแดดส่งผลเสียต่อการฟื้นฟูหลุมสิวอย่างไร?

1. ทำลายคอลลาเจน

รังสี UV ทำลายคอลลาเจนใต้ผิวโดยตรง ซึ่งเป็นสารสำคัญในการเติมเต็มหลุมสิว
ผลที่ตามมา: ผิวฟื้นฟูได้ช้าลง หลุมสิวตื้นขึ้นช้า

2. ทำให้เกิดรอยดำ รอยแดงหลังสิวเข้มขึ้น

บริเวณที่เป็นแผลหลุมสิวไวต่อแสงมากเป็นพิเศษ หากสัมผัสแสงแดดโดยไม่ป้องกัน
ผลที่ตามมา: รอยแดง เปลี่ยนเป็นรอยดำเข้ม ดูเหมือนหลุมสิวยิ่งชัดขึ้น

3. ผิวอักเสบ ระคายเคืองได้ง่ายขึ้น

โดยเฉพาะคนที่ทำเลเซอร์, Microneedling, TCA CROSS หรือใช้ Retinol, AHA
ผลที่ตามมา: ผิวไวต่อแสง แสบร้อน ผิวบาง และอาจทำให้แผลหลุมสิวลึกกว่าเดิมได้

เลือกครีมกันแดดแบบไหน เหมาะกับคนรักษาหลุมสิว?

• ค่า SPF 50+ และ PA++++ เพื่อป้องกัน UVA, UVB ครบถ้วน
• เนื้อบางเบา ไม่อุดตัน (Non-comedogenic) ลดความเสี่ยงการเกิดสิวใหม่
• ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอม เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
• Physical Sunscreen (Mineral Sunscreen) ที่มีส่วนผสมของ Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide อ่อนโยนต่อผิวที่กำลังฟื้นฟู

วิธีทาครีมกันแดดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

1. ใช้ปริมาณ 2 ข้อนิ้ว สำหรับทาทั่วหน้า
2. ทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-20 นาที
3. ทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง หากต้องเผชิญแสงแดดนาน
4. แม้อยู่ในบ้าน หรือหน้าคอม ควรทากันแดดทุกวัน เพราะแสงจากจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็มีผลต่อผิว

สิ่งที่ต้องระวัง

• หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดระหว่างเวลา 10.00-16.00 น.
• หากทำหัตถการเกี่ยวกับหลุมสิว เช่น เลเซอร์, Microneedling ต้องทากันแดดเคร่งครัดเป็นพิเศษ

สรุป

ครีมกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด สำหรับคนที่กำลังรักษาหลุมสิว เพราะช่วยปกป้องคอลลาเจน ป้องกันรอยดำ รอยแดง และลดความเสี่ยงผิวอักเสบ การเลือกกันแดดที่เหมาะสม และใช้เป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้การฟื้นฟูหลุมสิวได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด