สาเหตุหลักของการเกิดหลุมสิว – ทำไมหน้าถึงเป็นหลุม?

หลุมสิวเกิดจากอะไร? ทำไมบางคนเป็น บางคนไม่เป็น?

ปัญหาหลุมสิว คือ ร่องลึกหรือแผลเป็นที่ทิ้งไว้หลังจากการเป็นสิว หลายคนสงสัยว่า ทำไมสิวหายแล้ว แต่ผิวไม่กลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิม ซึ่งคำตอบอยู่ที่ “กระบวนการอักเสบและการซ่อมแซมผิว” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

เมื่อต้องเจอกับสิวอักเสบรุนแรง ผิวหนังจะถูกทำลายถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) เมื่อสิวหาย กระบวนการฟื้นฟูอาจไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เกิดการยุบตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิว กลายเป็น “หลุมสิว” ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน

5 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหลุมสิว

1. สิวอักเสบรุนแรงและลุกลาม

สิวเม็ดใหญ่ สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง ที่อักเสบลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ ทำลายคอลลาเจนและเส้นใยใต้ผิว เมื่อหายแล้วมักทิ้งหลุมสิวไว้

2. บีบสิว กดสิวผิดวิธี

การกดสิวแรง ๆ ด้วยมือเปล่า หรือใช้ที่กดสิวไม่สะอาด ทำให้ผิวเกิดการฉีกขาดและเกิดแผลเป็นลึก ส่งผลให้เกิดรอยบุ๋มหรือหลุมสิวได้ง่าย

3. กระบวนการสมานแผลผิดปกติ

ร่างกายบางคนผลิตคอลลาเจนมากเกินไป หรือบางคนผลิตน้อยเกินไป ส่งผลให้การเติมเต็มเนื้อเยื่อใต้ผิวไม่สมบูรณ์ ผิวจึงเป็นหลุม

4. พันธุกรรมและสภาพผิว

คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นหลุมสิว หรือมีผิวมัน รูขุมขนกว้าง มีโอกาสเกิดหลุมสิวได้ง่ายกว่า

5. การดูแลผิวไม่ถูกต้องหลังเป็นสิว

ไม่ทาครีมกันแดด ปล่อยให้แสงแดดทำลายผิว หรือใช้สกินแคร์ที่รุนแรงเกินไป อาจทำให้ผิวอักเสบซ้ำ ๆ จนกลายเป็นหลุมสิวได้

วิธีป้องกันหลุมสิวตั้งแต่ต้น

• รักษาสิวตั้งแต่ระยะแรก หลีกเลี่ยงให้เกิดสิวอักเสบ
• หยุดบีบสิวเอง และพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อกดสิวอย่างถูกวิธี
• ใช้ผลิตภัณฑ์ลดการอักเสบ เช่น BHA, Tea Tree Oil
• ทาครีมกันแดดทุกวัน ป้องกันการเสื่อมสภาพของผิว
• บำรุงผิวด้วยครีมที่เสริมสร้างคอลลาเจน เช่น Retinol หรือ Vitamin C

สรุป

หลุมสิวเกิดจากการที่ผิวชั้นลึกถูกทำลายและซ่อมแซมได้ไม่สมบูรณ์ สาเหตุหลักมาจากสิวอักเสบ การบีบสิว และการดูแลผิวไม่เหมาะสม การป้องกันคือการดูแลผิวตั้งแต่ต้น และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อให้ผิวเรียบเนียนและมีสุขภาพดี