หลุมสิวคือปัญหาผิวที่รักษายากและส่งผลต่อความมั่นใจของหลายคน มาทำความเข้าใจประเภทของหลุมสิวและวิธีการรักษาที่เหมาะสม พร้อมแนะนำว่าสกินแคร์สามารถช่วยฟื้นฟูได้หรือไม่
ประเภทของหลุมสิว – รู้จักให้ลึก ก่อนเลือกวิธีรักษาให้ตรงจุด
หลุมสิวเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่รักษาได้ยาก และส่งผลรบกวนจิตใจให้หลาย ๆ คน เมื่อสิวหายไปแล้ว แต่ร่องรอยที่เกิดขึ้นยังสามารถอยู่บนผิวหน้าได้ยาวนานหลายปี
หลุมสิวเกิดจาก กระบวนการซ่อมแซมที่ไม่สมบูรณ์ หลังจากสิวหายไป โดยที่ผิวสร้าง คอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ ขึ้นมาทดแทนบริเวณที่เสียหาย แต่ถ้าผลิตคอลลาเจนได้ไม่เพียงพอ ผิวจะไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้เต็มที่ ทำให้เกิดรอยแผลเป็นบุ๋มหรือที่เรียกว่า “หลุมสิว”
หลุมสิวแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ตามระดับความลึก
- Ice Pick Scar – หลุมสิวลึกที่สุด ลักษณะคล้ายหลุมกว้าง
- Boxcar Scar – หลุมสิวทรงกล่อง ขอบชัดเจน
- Rolling Scar – หลุมสิวตื้น ขอบไม่ชัดเจน คล้ายลอนคลื่นบนผิวหน้า
มาดูกันว่าแต่ละประเภทมีลักษณะเป็นอย่างไร มีวิธีรักษาให้ดีขึ้นได้แค่ไหน และสุดท้าย สกินแคร์สามารถช่วยฟื้นฟูหลุมสิวประเภทไหนได้บ้าง

1. Ice Pick Scar – หลุมสิวลึก ปากแคบ รักษายากที่สุด
Ice Pick Scar เป็น หลุมสิวที่รักษายากที่สุด เพราะมีลักษณะลึกมากถึงชั้นหนังแท้ ส่วนใหญ่เกิดจากสิวอักเสบ เช่น สิวหัวช้าง หรือสิวอักเสบที่กินลึกลงไปในชั้นผิวหนัง
ลักษณะของ Ice Pick Scar
- มีรูปร่างเป็นจุดเล็กแคบ คล้ายถูกแทงด้วยของแหลม
- ปากแคบลึก และขอบผิวไม่เรียบ
- ความลึกของหลุมสามารถไปถึงชั้นหนังแท้ (Dermis)
ทำไม Ice Pick Scar รักษายาก?
- ความลึกของแผลอยู่ใต้ชั้นหนังแท้ ทำให้ครีมหรือการทาสกินแคร์ซึมลงไปถึงชั้นผิวไม่ได้
- เนื้อเยื่อขาดการซ่อมแซม ร่างกายไม่สามารถสร้างคอลลาเจนทดแทนเองได้เพียงพอ
- ต้องใช้วิธีการรักษาที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เช่น TCA CROSS, Subcision หรือการทำ Skin Resurfacing
Ice Pick Scar ใช้สกินแคร์ช่วยได้ไหม?
- ครีมหรือสกินแคร์ไม่สามารถช่วยฟื้นฟูหลุมสิวประเภทนี้ให้ดีขึ้นได้
- ต้องใช้วิธีทางการแพทย์ร่วมด้วย เพื่อให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
2. Boxcar Scar – หลุมสิวทรงกล่อง ขอบชัด รักษาได้ง่ายกว่า Ice Pick Scar
Boxcar Scar เป็น หลุมสิวที่พบได้บ่อย มีระดับความลึกปานกลาง ตั้งแต่ตื้นไปจนถึงลึก
ลักษณะของ Boxcar Scar
- มีรูปร่างกว้างกว่าหลุมสิวประเภทอื่น
- ขอบหลุมชัดเจน และขอบผิวค่อนข้างแข็ง
- มักเกิดจากสิวอักเสบ หรือสิวที่หายเองโดยไม่มีการบีบหรือกดสิว
ทำไม Boxcar Scar รักษาได้ง่ายกว่า Ice Pick Scar?
- ความลึกไม่มากเท่า Ice Pick Scar ทำให้มีโอกาสรักษาให้ดีขึ้นได้
- สามารถรักษาด้วยเลเซอร์, การทำ Microneedling (สร้างแผลเล็ก ๆ เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูใต้ผิว)
Boxcar Scar ใช้สกินแคร์ช่วยได้ไหม?
- สามารถช่วยให้ดูเรียบเนียนขึ้นได้
- Retinol หรือ Vitamin C สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจน
- Vitamin E ช่วยเรื่องการฟื้นฟูผิว
- ต้องใช้ร่วมกับการรักษาทางการแพทย์ เช่น เลเซอร์ หรือ Microneedling
3. Rolling Scar – หลุมสิวตื้น ขอบไม่ชัด สกินแคร์สามารถช่วยได้
Rolling Scar เป็น หลุมสิวที่ตื้นที่สุด และรักษาได้ง่ายที่สุด ลักษณะจะเป็น รอยบุ๋มคล้ายคลื่น บนผิวหน้า
ลักษณะของ Rolling Scar
- ขอบหลุมไม่ชัดเจน
- ผิวมักจะคดเคี้ยวเป็นคลื่น
- มักเกิดจากสิวอักเสบที่ไม่ได้ลึกมาก หรือเกิดจากสิวอุดตันเรื้อรัง
ทำไม Rolling Scar รักษาได้ง่ายกว่าแบบอื่น?
- ความลึกไม่มาก ทำให้สามารถซ่อมแซมฟื้นฟูตัวเองได้ง่าย
- สกินแคร์สามารถช่วยฟื้นฟูได้ดี หากใช้ต่อเนื่อง
Rolling Scar ใช้สกินแคร์ช่วยได้ไหม?
- สามารถช่วยได้ดี หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น
- Niacinamide – ช่วยลดการอักเสบ และเสริมการป้องกันผิว
- Retinol หรือ Bakuchiol – กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- Centella Asiatica (ใบบัวบก) – ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว
- แต่หากเป็น Rolling Scar ที่มีขนาดใหญ่ อาจต้องทำ Microneedling หรือเลเซอร์ร่วมด้วย
เปรียบเทียบประเภทของหลุมสิว และวิธีรักษา
ประเภทหลุมสิว | ลักษณะแผล | ระดับความลึก | สกินแคร์ช่วยได้ไหม? | แนวทางการรักษา |
---|
Ice Pick Scar | หลุมแคบ ลึก ขอบไม่เรียบ | ลึกมาก | ไม่ช่วยให้ดีขึ้น | เลเซอร์, TCA CROSS, Subcision |
Boxcar Scar | หลุมเป็นทรงกล่อง ขอบชัด | ปานกลาง | ช่วยได้ในกรณีหลุมตื้น | เลเซอร์, Microneedling |
Rolling Scar | ผิวเป็นคลื่น ขอบไม่ชัด | ตื้นที่สุด | ช่วยได้ | Microneedling, สกินแคร์กระตุ้นคอลลาเจน |
สรุป – หลุมสิวแบบไหนที่สกินแคร์ช่วยได้?
✅ Ice Pick Scar – รักษายากที่สุด สกินแคร์ช่วยไม่ได้ ต้องใช้การแพทย์เท่านั้น
✅ Boxcar Scar – หากเป็นหลุมตื้น สกินแคร์สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้
✅ Rolling Scar – สกินแคร์สามารถช่วยได้ดีที่สุด โดยเฉพาะสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน