การทำ Double Cleansing เป็นวิธีทำความสะอาดผิว 2 ขั้นตอน ช่วยขจัดสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง และความมันส่วนเกินได้อย่างหมดจด ลดการอุดตันของรูขุมขน และช่วยป้องกันการเกิดสิวอย่างมีประสิทธิภาพ
How to การทำดับเบิ้ลคลีนซิ่ง (Double Cleansing) เพื่อป้องกันการเกิดสิว
การล้างหน้าให้สะอาดเป็นพื้นฐานสำคัญของการดูแลผิว เพราะหากมีสิ่งตกค้างบนใบหน้า อาจก่อให้เกิดการอุดตันและนำไปสู่ปัญหาสิวได้ง่าย การทำ Double Cleansing หรือการล้างหน้าแบบสองขั้นตอน เป็นเทคนิคที่ช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก โดยช่วยขจัด เครื่องสำอาง ครีมกันแดด ความมันส่วนเกิน และสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน ได้อย่างหมดจด
หากคุณกำลังมีปัญหาสิวซ้ำๆ ผิวมันเยิ้ม หรือแต่งหน้าเป็นประจำ การทำดับเบิ้ลคลีนซิ่ง เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ควรทำทุกวัน เพื่อให้ผิวสะอาดและลดโอกาสเกิดสิวใหม่
ดับเบิ้ลคลีนซิ่งคืออะไร? ทำไมถึงช่วยลดสิว?
Double Cleansing คือการล้างหน้า 2 ขั้นตอน ซึ่งช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ติดแน่นบนผิว ไม่ให้ตกค้างจนก่อให้เกิดการอุดตัน
ขั้นตอนที่ 1: ใช้ คลีนซิ่ง (Cleansing) เพื่อขจัดเครื่องสำอาง ครีมกันแดด และสิ่งสกปรกที่ละลายในน้ำมัน
ขั้นตอนที่ 2: ใช้ คลีนเซอร์ (Cleanser) เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ละลายในน้ำ เช่น ฝุ่น เหงื่อ และแบคทีเรีย
เหตุผลที่การทำดับเบิ้ลคลีนซิ่งช่วยลดสิว:
- ลดสิ่งอุดตันรูขุมขน – ช่วยให้รูขุมขนสะอาด ไม่ให้สิ่งสกปรกตกค้าง
- ลดความมันส่วนเกิน – ควบคุมความมันที่เป็นสาเหตุของสิวอุดตัน
- ลดการสะสมของแบคทีเรีย – ลดความเสี่ยงของการเกิดสิวอักเสบ
How to: วิธีทำดับเบิ้ลคลีนซิ่งที่ถูกต้อง
ขั้นตอนที่ 1: ใช้คลีนซิ่งเพื่อล้างเมคอัพและครีมกันแดด (First Cleanse)
เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวของคุณ เพื่อให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพสูงสุด
ประเภทของคลีนซิ่งและสภาพผิวที่เหมาะสม
- คลีนซิ่งแบบน้ำ (Micellar Water) – ผิวมัน ผิวเป็นสิว
- คลีนซิ่งเนื้อครีม (Cleansing Cream) – ผิวแห้ง ผิวธรรมดา
- คลีนซิ่งน้ำนม (Cleansing Milk) – ผิวผสม ผิวแพ้ง่าย
- คลีนซิ่งเจล (Cleansing Gel) – ผิวมัน ผิวแพ้ง่าย
- คลีนซิ่งออยล์ (Cleansing Oil) หรือ คลีนซิ่งบาล์ม (Cleansing Balm) – ทุกสภาพผิว
วิธีใช้:
- เทคลีนซิ่งลงบนสำลี (ถ้าเป็นเนื้อออยล์หรือบาล์ม ใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ)
- เช็ดเบาๆ ทั่วใบหน้า ไม่ต้องถูแรง
- เช็ดจนไม่มีคราบเมคอัพหรือสิ่งสกปรกติดออกมา
ขั้นตอนที่ 2: ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์เพื่อขจัดสิ่งสกปรก (Second Cleanse)
หลังจากที่เช็ดเครื่องสำอางออกหมดแล้ว ให้ล้างหน้าด้วย คลีนเซอร์ที่อ่อนโยน เพื่อทำความสะอาดสิ่งตกค้างที่ละลายในน้ำ เช่น ฝุ่นละอองและเหงื่อ
วิธีเลือกคลีนเซอร์ที่เหมาะกับผิว:
- ผิวมัน-ผิวเป็นสิว: เลือกคลีนเซอร์ที่มี Salicylic Acid หรือ Tea Tree Oil เพื่อลดการอุดตัน
- ผิวแห้ง-ผิวแพ้ง่าย: เลือกคลีนเซอร์สูตร อ่อนโยน ไม่มีแอลกอฮอล์และซัลเฟต
- ผิวผสม: เลือกคลีนเซอร์สูตรบาลานซ์ระหว่างการให้ความชุ่มชื้นและควบคุมความมัน
วิธีใช้:
- ล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง (ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป)
- ใช้คลีนเซอร์ในปริมาณพอเหมาะ นวดเบาๆ ประมาณ 30-60 วินาที
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนู (ห้ามถูแรง)
ข้อควรรู้เกี่ยวกับดับเบิ้ลคลีนซิ่ง
- ไม่จำเป็นต้องทำ Double Cleansing เช้า-เย็น
- แนะนำให้ทำเฉพาะตอนเย็น เพราะช่วงเช้าผิวไม่ได้เผชิญสิ่งสกปรกมาก
- ห้ามใช้สำลีเช็ดแรงๆ
- ควรเช็ดเบาๆ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ไม่ควรใช้คลีนซิ่งที่มีแอลกอฮอล์เยอะเกินไป
- อาจทำให้ผิวแห้งเกินไป และกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันเพิ่ม
- ไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำร้อนจัด
- ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเกิดการระคายเคือง
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำดับเบิ้ลคลีนซิ่งเป็นประจำ
- ผิวสะอาดหมดจด ลดสิวอุดตัน
- รูขุมขนไม่อุดตัน ลดสิวอักเสบ
- ควบคุมความมัน ผิวสมดุลขึ้น
- ช่วยให้ครีมบำรุงซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
สรุป – ดับเบิ้ลคลีนซิ่งช่วยป้องกันสิวได้อย่างไร?
ปัญหาผิวและการแก้ไขด้วยดับเบิ้ลคลีนซิ่ง
- สิวอุดตัน – ลดการสะสมของสิ่งสกปรกในรูขุมขน
- ผิวมันเยิ้ม – ควบคุมความมัน ลดการเกิดสิวอักเสบ
- สิวจากเครื่องสำอาง – ขจัดเมคอัพและครีมกันแดดได้หมดจด
- ผิวหมองคล้ำ – ผิวสะอาด ทำให้ดูใสขึ้น
หากคุณเป็นคนที่แต่งหน้าทุกวัน หรือมีปัญหาสิวและรูขุมขนอุดตัน การทำดับเบิ้ลคลีนซิ่งเป็นประจำ จะช่วยให้ผิวสะอาด ลดการเกิดสิว และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาว
