หลุมสิวเก่า ผิวไม่เรียบ? ฟื้นฟูได้! แค่เลือกวิธีที่ใช่ให้ผิวคุณ

หมดปัญหาหลุมสิว! ทางออกเพื่อผิวเรียบเนียน พร้อมให้คุณมั่นใจอีกครั้ง

"รอยสิว หลุมสิว ไม่ต้องทน! ค้นพบตัวช่วยเพื่อผิวเรียบเนียนที่แท้จริง"

ชนิดของรอยดำและสาเหตุของรอยดำ – รู้ลึกก่อนรักษาอย่างถูกวิธี

ก.พ. 25, 202527 นาทีในการอ่าน

รอยดำเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยและต้องใช้เวลาในการจางลง บทความนี้อธิบายชนิดของรอยดำ สาเหตุ วิธีป้องกัน และการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ

ชนิดของรอยดำและสาเหตุของรอยดำ – รู้ลึกก่อนรักษาอย่างถูกวิธี

รอยดำเป็นปัญหาผิวที่หลายคนกังวล เพราะทำให้ผิวดูไม่สม่ำเสมอ แต่งหน้าก็ปกปิดยาก และต้องใช้เวลานานกว่าจะจางลง รอยดำมักเกิดขึ้นหลังจากที่ผิวมีการอักเสบ เช่น สิวอักเสบ การระคายเคือง หรือผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด ในทางการแพทย์ รอยดำที่เกิดขึ้นหลังจากการอักเสบของผิว เรียกว่า Post-Inflammatory Hyperpigmentation (PIH) ซึ่งเป็นกลไกที่ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากเกินไปเพื่อตอบสนองต่อการระคายเคืองหรืออักเสบ

ชนิดของรอยดำ แบ่งตามระดับความลึกของเม็ดสีเมลานิน

1. รอยดำตื้น (Epidermal Hyperpigmentation)

  • เม็ดสีเมลานินสะสมอยู่ที่ ผิวชั้นบน (Epidermis)
  • ลักษณะของรอยดำจะมี ขอบเขตชัดเจน และมักมีสีเข้ม (น้ำตาลหรือแดง)
  • เกิดจาก การอักเสบที่ไม่รุนแรง เช่น สิวอุดตัน หรือรอยแดงหลังสิวหาย
  • สามารถรักษาได้ง่ายและตอบสนองต่อการใช้ สกินแคร์หรือทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิวได้ดี

2. รอยดำลึก (Dermal Hyperpigmentation)

  • เม็ดสีเมลานินสะสมอยู่ใน ชั้นหนังแท้ (Dermis)
  • รอยดำมักมี สีเทา-น้ำเงิน หรือสีหมองคล้ำ ขอบเขตไม่ชัด
  • เกิดจาก การอักเสบที่รุนแรง เช่น สิวอักเสบหรือการบาดเจ็บลึกของผิว
  • รักษาได้ยากกว่ารอยดำตื้น ต้องใช้ ทรีตเมนต์ที่ลึกกว่า เช่น เลเซอร์ หรือกรดผลัดเซลล์ผิวที่เข้มข้น

3. รอยดำแบบผสม (Mixed Hyperpigmentation)

  • มี ทั้งรอยดำตื้นและลึกอยู่ในบริเวณเดียวกัน
  • มักเกิดใน ผู้ที่มีผิวอักเสบเรื้อรัง หรือเคยเกิดสิวอักเสบซ้ำๆ
  • ต้องใช้ ทั้งสกินแคร์และทรีตเมนต์ทางการแพทย์ร่วมกัน เพื่อให้เม็ดสีที่อยู่ในทั้งสองชั้นจางลงได้

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยดำ

  1. การอักเสบจากสิวที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
  2. การบีบ แคะ แกะ กดสิว
  3. ความร้อนและแสงแดด
  4. ฮอร์โมนและพันธุกรรม
  5. การใช้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่ระคายเคืองผิว

วิธีลดเลือนรอยดำและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ

  1. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดเม็ดสีเมลานิน
    • Vitamin C – ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีและทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
    • Niacinamide (Vitamin B3) – ลดรอยดำและช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
    • Alpha Arbutin – ลดการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไป
  2. ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
    • ใช้ AHA (Glycolic Acid), BHA (Salicylic Acid) หรือ PHA เพื่อช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่มีเม็ดสีสะสม
    • หลีกเลี่ยงการใช้สครับที่หยาบเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง
  3. ทาครีมกันแดดทุกวัน
    • ใช้ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+ ขึ้นไป และมีส่วนผสมของ Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide
    • ทาก่อนออกแดด 30 นาที และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง
  4. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดรอยดำเพิ่ม
    • หยุด บีบ แคะ แกะ กดสิว
    • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม
  5. ใช้ทรีตเมนต์ทางการแพทย์ถ้ารอยดำฝังลึก
    • เลเซอร์ลดเม็ดสี (Q-Switched Laser) – ทำให้รอยดำจางลงเร็วขึ้น
    • กรด TCA Peeling – ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นลึกที่มีเม็ดสีสะสม

เปรียบเทียบชนิดของรอยดำ และวิธีรักษา

ชนิดของรอยดำระดับความลึกการรักษาที่ได้ผล
รอยดำตื้นชั้นบนของผิว (Epidermis)Vitamin C, Niacinamide, AHA, ครีมกันแดด
รอยดำลึกชั้นหนังแท้ (Dermis)เลเซอร์, TCA Peeling, Alpha Arbutin
รอยดำแบบผสมผิวชั้นบน + ชั้นลึกใช้ทั้งสกินแคร์และเลเซอร์ร่วมกัน

📌 รอยดำเกิดจากอะไร? วิธีรักษารอยดำแบบถูกต้อง – แก้ปัญหาให้ตรงจุด!

สรุป – วิธีดูแลรอยดำอย่างถูกต้อง

  • รอยดำตื้น มักเกิดจากสิวอักเสบเล็กน้อย และจางได้เร็ว
  • รอยดำลึก มักเกิดจากสิวอักเสบรุนแรง และใช้เวลารักษานาน
  • แสงแดดและความร้อน ทำให้รอยดำเข้มขึ้น ต้องใช้ ครีมกันแดดทุกวัน
  • การใช้สกินแคร์ที่เหมาะสม เช่น Vitamin C, Niacinamide และ AHA สามารถช่วยให้รอยดำจางลงได้
  • หากรอยดำลึกมาก อาจต้องใช้ เลเซอร์หรือทรีตเมนต์ทางการแพทย์ร่วมด้วย
รูปภาพจดหมายข่าว
ไอคอนหลัก
จดหมายข่าว

สมัครรับข่าวสารและโปรโมชันสุดพิเศษจาก Infresh

เมื่อกดปุ่มสมัคร แสดงว่าคุณยอมรับเงื่อนไขและข้อกำหนดของเรา

Your experience on this site will be improved by allowing cookies Cookie Policy